บริษัท และ TTCL Bio Company Pte. Ltd. ได้ร่วมกันลงทุนในบริษัท NT Biomass Product ซึ่งจดทะเบียน ในประเทศไทย เพื่อการวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ในสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 51 และ ร้อยละ 49 ตามลำดับ ทั้งสองบริษัทได้ชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนสำหรับหุ้นสามัญจำนวน 300,000 หุ้น โดยมีมูลค่า หุ้นละ 100 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 30 ล้านบาท
บริษัทได้ทำการเข้าซื้อหุ้นบริษัท TTCL Bio Company Pte. Ltd. จำนวน 75 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1 ดอลลาร์ สหรัฐ รวมเป็นจำนวนเงิน 75 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 2,231 บาท คิดเป็นร้อยละ 75 ของหุ้นสามัญทั้งหมด
TTCL Bio Company Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ชำระเงินค่าหุ้นเต็มจำนวนสำหรับหุ้นสามัญ จำนวน 1,000 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 ยูโร เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ยูโร หรือเทียบเท่า 3,776 บาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และ Blackwood Technology B.V. ได้ชำระเงินค่าหุ้นเต็มจำนวนสำหรับหุ้นสามัญจำนวน 1,000 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 ยูโร เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ยูโร หรือเทียบเท่า 3,789 บาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ภายหลังที่มีการจัดตั้ง Shimanto B.V. ซึ่งจดทะเบียนในประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563
TTCL Power Myanmar Company Limited (TPMC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ลงนามสัญญาซื้อขาย ไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise ภายใต้การดูแลของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน สาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการ Ahlone LNG to Power Project ขนาดกำลังการผลิต 388 MW มูลค่า โครงการประมาณ 685 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 20,550 ล้านบาท สถานที่ตั้งโครงการ ณ เขตย่างกุ้ง
TTPHD มีการออกและเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 4,700,000 หุ้น ให้แก่นักลงทุนหรือกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยภายหลังการเพิ่มทุน บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นรายอื่น จะถือหุ้นใน TTPHD ร้อยละ 93.67 และร้อยละ 6.33 ตามลำดับ
TTPHD จัดตั้ง BKB Power Pte.Ltd. (BKB) และ TTCL Bio Company Pte.Ltd. (TTBC) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงค์โปร์ โดยมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มบริษัทฯ ได้ตกลงทำสัญญาเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัท Ha Tien Energy Corporation (HATIEN) ซึ่งดำเนินธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายพลังงานชีวมวลอัดเม็ดสีขาว ในจำนวนเงินรวม 110,500 ล้านดองเวียดนาม หรือเทียบเท่า 151 ล้านบาท โดย TTBC ถือหุ้นร้อยละ 60 TVC ถือหุ้นร้อยละ 35 และ TTCL ถือหุ้นร้อยละ 5
บริษัท ได้ทำการเข้าซื้อหุ้น บริษัท Blackwood Technology B.V จำนวน 42,514 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้น ทั้งหมดของบริษัท Blackwood Technology B.V
TTPHD มีการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท TTGP ให้แก่ Chugoku Electric Power Singapore Pte. Ltd. จำนวน 14,850,000 หุ้น และ SEP International Netherlands B.V.จำนวน 14,850,000 หุ้น รวมเป็นจำนวน 29,700,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของหุ้นทั้งหมดของ TTGP ทำให้ปัจจุบัน TTPHD มีสัดส่วนการถือหุ้นใน TTGP อยู่ที่ร้อยละ 40
บริษัทฯ มีการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของ NNE จำนวน 7,263,799 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 44.02 ของหุ้นทั้งหมด ของ NNE ให้แก่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทำให้ NNE สิ้นสภาพการเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ
TTSP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ มีการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท SSPC จำนวน 120,000,000 หุ้น คิดเป็น ร้อยละ 40 ของหุ้นทั้งหมดของ SSPC ให้แก่ บริษัท โซล่าร์ วิซิเบิล จำกัด ทำให้ SSPC สิ้นสภาพการเป็นบริษัทร่วมทาง อ้อมของบริษัทฯ
บริษัทฯ จัดตั้ง TMSP SDN. BHD. (“TMSP”) เพื่อรองรับงานโครงการ 2SP Project และโครงการในอนาคต ในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 750,000 ริงกิต โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100 (TTCL)
เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 บริษัทฯ จึงได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น เพื่อเปลี่ยนชื่อจาก “บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)” เป็น “บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด(มหาชน)”
เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนในธุรกิจพลังงานของกลุ่มบริษัท บริษัทฯ ได้จัดตั้ง Toyo Thai Power Holdings Pte. Ltd. (“TTPHD”) ซึ่งปัจจุบัน TTPHD ถือหุ้นใน Toyo Thai Power Corporations Pte. Ltd. (“TTPSG”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 โดย TTPSG ถือหุ้นใน Toyo Thai Power Myanmar Co., Ltd. (“TTPMC”) ในสัดส่วนร้อยละ 95.0 เช่นกัน ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมใน TTPMC ในสัดส่วนร้อยละ 71.5
บริษัทได้ร่วมลงนามในบันทึกเพื่อความเข้าใจกับ กระทรวงพลังงานไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าประเภท Ultra Supercritical Coal-fired ขนาด 1,000 MW ณ เขตเศรษฐกิจพิเศษ Thilawa เมืองย่างกุ้ง ซึ่งมีกรอบระยะเวลาการศึกษาประมาณ 1 ปี นับจากวันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อความเข้าใจ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 560 ล้านบาท เพื่อรองรับการขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมและแก่ประชาชนทั่วไป โดยวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใน และเป็นเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า
บริษัทฯ ร่วมลงทุนใน บริษัท สยาม โซล่า เพาเวอร์ จำกัด (“SSP”) เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25.0 มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท
บริษัทฯ จัดตั้ง Toyo Thai Power Corporations Pte. Ltd. (“TTPSG”) เพื่อรองรับงานด้านพลังงานในภูมิภาค โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 60.0 มีทุนจดทะเบียน 42.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทจัดตั้งบริษัท โตโย ไทย พาวเวอร์ เมียนมาร์ จำกัด (“TTPMC”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานก๊าซขนาด 120 เมกะวัตต์ ณ เขต Ahlone Township ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับ กระทรวงพลังงานไฟฟ้า แห่งประเทศเมียนมาร์ ระยะเวลา 30 ปี โดยมูลค่าการลงทุนของโครงการประมาณ 5,100 ล้านบาท (เทียบเท่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
บริษัทฯ จัดตั้ง Toyo Thai Malaysia Sdn Bhd (“TTML”) เพื่อรองรับงานโครงการ Lamps Up – MY Project และโครงการในอนาคต โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100.0 มีทุนจดทะเบียน 100,000 ริงกิต
บริษัทฯ จัดตั้ง ToyoThai-Myanmar Corporation Co., Ltd. (“TTMC”) เพื่อรองรับงานโครงการในอนาคต โดยร่วมลงทุนกับบริษัท เซย่า เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่จัดตั้งในประเทศเมียนมาร์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 90.0 และร้อยละ 10.0 ตามลำดับ มีทุนจดทะเบียน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทฯ จัดตั้ง ToyoThai-USA Corporation (“TTUS”) เพื่อรองรับงานโครงการในอนาคต โดยร่วมลงทุนกับ Global Business Management Company Limited (“GBM”) ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่จัดตั้งในประเทศไทย และบริษัท HukuTai Consulting Inc. ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่จัดตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 80.0 ร้อยละ 10.0 และร้อยละ 10.0 ตามลำดับ มีทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Chiyoda ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทฯ และเข้าถือหุ้นสามัญ 33,600,000 หุ้นหรือ คิดเป็นร้อยละ 7.0 ของทุนจดทะเบียน
กรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเงินลงทุน 1,100 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้นบุริมสิทธิ ในสัดส่วนร้อยละ 71.0 ในบริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด (“NNE”) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 110 เมกะวัตต์ (SPP) ซึ่ง NNE ได้ทำสัญญาขายกระแสไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเวลา 25 ปี
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 30,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.00 บาท ทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 350 ล้านบาท
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 130,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.25 บาท ทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เพิ่มเป็น 480 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 320 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความเติบโตของยอดขาย
จดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ในเดือนกรกฎาคม
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 480 ล้านบาท โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 30,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายแก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออีก 130,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน
บจ. พีทีที โพลีเอธิลีน ว่าจ้างให้บริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างโรงงาน LDPE และโรงงาน LLDPE เมื่อแล้วเสร็จโรงงานทั้งสองโรงงานนี้จะเป็นหนึ่งในโรงงาน ผลิต LDPE และ LLDPE ที่มีกำลังการผลิตพลาสติกชนิดนี้มากที่สุดในโลก โดยมูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท
บจ. พีทีที โพลีเอธิลีน ว่าจ้างให้บริษัทฯ ดำเนินการสร้างโรงงานผลิต Ethane Cracker เมื่อแล้วเสร็จโรงงานนี้จะเป็นหนึ่งในโรงงานมีกำลังการผลิต Ethylene 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของการผลิตพลาสติกประเภทนี้
บริษัทฯ เริ่มธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมโดยได้รับความไว้วางใจในการสร้างโรงงานโพลียูเรเทนในประเทศจีนและโรงงาน Chlor-Alkali ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการให้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของบริษัทฯ และเป็นการพิสูจน์ว่าความสามารถของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับระดับสากล
บริษัทฯ ชนะการประมูลงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตสารประกอบเมทิลีนโมดิฟายด์ ไดฟีนีลมีเทน ไดโอไซไซยาเนส (Methylene Modified Diphenylmethane Diisocyanate, mMDI) จากบริษัท Bayer Polyurethane (Shanghai) ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นการประมูลงานแข่งกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างต่างประเทศขนาดใหญ่ในประเทศจีน การที่บริษัทฯ ได้มีโอกาสเข้าร่วมประมูลในโครงการนี้จนได้รับสัญญาของโครงการนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จในการผลงานการก่อสร้างโครงการ Bisphenol-A ของ Bayer ที่ประเทศไทย
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วอีกครั้งเป็น 160 ล้านบาท เพื่อรองรับธุรกิจของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพ ISO 9001:2000
เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากการชะลอตัวด้านการลงทุนในประเทศ อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ บริษัทฯ เริ่มขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย โดยได้ก่อสร้างโรงงานปุ๋ยเคมีให้กับ Japan Vietnam Fertilizer Co. ซึ่งต่อมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการให้บริการใน มาเลเซีย เมียนมาร์ จีน และบังคลาเทศ ในปีต่อมา
บริษัทฯ จัดตั้งบริษัท โตโย-เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“TVC”) เพื่อให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานแบบครบวงจรในเวียดนาม
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจากการเพิ่มทุนดังกล่าวทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม ITD ในบริษัทฯ ลดลงเหลือร้อยละ 25.0
บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นโดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่ม ITD และ TEC ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เป็นบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย